ปลดล็อกพืชศก.กระท่อม “ออริจิน เทค” พร้อมลุย

หลังรัฐคลายล็อกพืชเศรษฐกิจ “กระท่อม” โดยเปิดไฟเขียวให้สามารถปลูกกระท่อมขายได้ ด้าน“ออริจิน เทค” ประกาศรุกทันควัน ล่าสุดทุ่มงบปลูกใช้ต้นพันธุ์อย่างดี 1.5 หมื่นต้น บนที่ดินราว 20 ไร่ที่หาดใหญ่ ลงแปลงปลูกพืชกระท่อม มุ่งป้อนโรงงาน โดยการนำใบกระท่อมมาสกัดสารสำคัญเพื่อต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ส่วนอนาคตเล็งส่งออกสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของโลกและอีกหลายประเทศ

นายทรงกรต ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิน เทค จำกัด เปิดเผยว่า ออริจิน เทค ก่อตั้งขึ้นเมื่อช่วงต้นปี 2563 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อที่จะพัฒนาพืชเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ต่อการรักษาโรค ขณะเดียวกัน พอทางออริจิน เทค ได้มีโอกาสเข้าไปคุยกับทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ช่วงต้นปี 2563 พบว่าเฉพาะในเรื่องของพืชกระท่อม ทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้มีการศึกษาและวิจัยมาไม่ต่ำกว่า 10 ปีแล้ว แต่ว่าก่อนหน้านี้ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะประเทศไทยยังไม่ได้ปลดล็อกในเรื่องของกฎหมาย

“ก่อนที่จะมีกระแสเรื่องกระท่อม บ้านเราจะมีกระแสเรื่องกัญชง-กัญชา ทั้งหมดนี้เดิมอยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษ ขณะเดียวกัน จากที่ทางภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมและผลักดันพืชเศรษฐกิจเหล่านี้ ทำให้เราสนใจในพืชกระท่อมเป็นพิเศษเนื่องจากมีคุณสมบัติและประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะการนำเอาไปทำยาลดอาการของโรคต่างๆ เช่น ลดเบาหวาน ความดันสูง ไขมัน คลายเครียดคลายความกังวล ฯลฯ”

ขณะนี้ได้มีการปลดล็อกพืชกระท่อมโดยถอดออกจากบัญชียาเสพติด ประเภทที่ 5 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ปี 2522 ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยสามารถปลูก ซื้อและขายในประเทศได้อย่างเสรี ไม่ผิดกฏหมายอีกต่อไป ส่วนพ.ร.บ.พืชกระท่อม ก็กำลังดำเนินการผ่านทางสภาผู้แทนราษฎร โดยทางสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติรับหลักการร่างพืชกระท่อมแล้วเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 ซึ่งจะมีการกำหนดมาตรฐานต่างๆมารองรับ และในอนาคตผลตอบแทนของผลผลิตจะขึ้นอยู่กับคุณภาพและปริมาณสารสำคัญที่อยู่ในใบกระท่อม

“เราได้เข้าไปคุยกับหน่วยงานอุทยานวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานกลางที่ดูแลเรื่องของการวิจัยและนวัตกรรมในหลายๆโครงการ และถือเป็นจังหวะที่ดีเพราะมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์กำลังมีโครงการที่จะทำในเรื่องของการวิจัยพัฒนานวัตกรรมการผลิตพืชกระท่อม เราเลยเป็นบริษัทแรกที่เข้าไปร่วมมือในโครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการผลิตพืชกระท่อม และได้ทำพิธีลงนามความร่วมมือโครงการระหว่างออริจิน เทค และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา”

สำหรับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จะมีผู้เชี่ยวชาญและทีมนักวิจัยที่ทำการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับพืชกระท่อมมาแล้วเป็นระยะเวลานานหลายปี และได้ทำการจดสิทธิบัตรงานวิจัยเกี่ยวกับพืชกระท่อมแล้วหลายฉบับ อีกทั้งยังมีผลงานการวิจัยตีพิมพ์ระดับนานาชาติอย่างมากมายอีกด้วย จึงเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางถึงความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์เกี่ยวกับพืชกระท่อมเป็นอย่างดียิ่ง

“เรามั่นใจว่าใบกระท่อมของเราจะเป็นใบที่มีคุณภาพสูง และเป็นที่ต้องการของตลาดในการนำใบกระท่อมไปต่อยอด ซึ่งในอนาคตจะทำให้สามารถนำใบกระท่อมไปสกัดสารมาทำยา ทำเครื่องดื่ม อาหารสัตว์ และผลิตภัณฑ์ต่างๆได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางออริจิน เทคได้มีการใช้งบจำนวนหนึ่งเพื่อปลูกพืชกระท่อมที่อำเภอหาดใหญ่แถวคลองหอยโข่งราว 20 ไร่ ปลูกพืชกระท่อมพันธุ์ก้านแดงประมาณ 1.5 หมื่นต้น โดยที่ขณะนี้ได้เริ่มลงแปลงปลูกพืชกระท่อมบางส่วนไปบ้างแล้ว”

ในส่วนการทำตลาดจากนี้ นายทรงกรต เปิดเผยว่า ยังคงต้องรอกฎหมายเกี่ยวกับการส่งออกก่อน ขณะที่ผลผลิตพืชกระท่อมของเราจะเริ่มเก็บได้ประมาณช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2565นี้ เพื่อส่งขายให้กับโรงงานที่ต้องการนำใบกระท่อมไปสกัดสาร Mitragynine และ สาร 7-hydroxymitragynine เพื่อทำผลิตภัณฑ์ต่างๆต่อไป โดยที่ขณะนี้มีอย่างน้อย 2 บริษัทใหญ่ที่ได้มาตั้งโรงงานสกัดสารแล้วในนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่

ขณะเดียวกัน ออริจิน เทค ยังมองไปถึงการให้ความรู้ คำปรึกษา ในเรื่องของต้นพันธุ์ที่ดีและการบริหารจัดการแปลงปลูก ตลอดจนการรับซื้อผลผลิตใบกระท่อมคุณภาพจากเกษตรกรอีกด้วย อีกทั้งการส่งออกผลิตภัณฑ์สารสกัดใบกระท่อมไปยังตลาดต่างประเทศเมื่อทางการไทยปลดล็อกกฎหมายเป็นที่เรียบร้อย โดยที่ผ่านมาตลาดสหรัฐอเมริกา ถือเป็นตลาดส่งออกสำคัญที่มีความต้องการสูงมาก ปัจจุบันนี้คาดว่าจะมีมูลค่าสูงนับหมื่นล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว ทั้งนี้ สำหรับประเทศในอาเซียนที่มีการส่งออกพืชกระท่อม จะมีอินโดนีเซียและมาเลเซีย เป็นประเทศผู้ส่งออกสำคัญ

สำหรับพืชกระท่อม เป็นพืชท้องถิ่นในภาคใต้ของประเทศไทย กระท่อมถือเป็นต้นไม้ยืนต้น มีอายุได้ราว 80-100 ปี สามารถสูงได้ถึง 10-15 เมตร มีลักษณะใบเดี่ยว ใบมีรสขม เฝื่อน มีสารสำคัญในใบซึ่งพบในพืชกระท่อมเท่านั้น คือ สาร Mitragynine และ สาร 7-hydroxymitragynine ทั้งนี้ การผลิตพืชกระท่อม จำเป็นต้องมีแหล่งรวบรวมต้นพันธุ์และแปลงต้นพันธุ์ เพื่อรองรับการวิจัยทั้งด้านต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำในอนาคตอันใกล้

ขณะที่โครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการผลิตพืชกระท่อม โดยความร่วมมือระหว่างออริจิน เทค และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์นั้น มีวัตถุประสงค์หลัก คือ
1.เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์และทดสอบพันธุ์พืชกระท่อมของประเทศไทย
2.เพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพสำหรับการรองรับการนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และเชิงพาณิชย์ของหน่วยงาน ภาครัฐและเอกชน และ
3.เพื่อวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต และการจัดการพืชกระท่อม ที่มีความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการ คือ 1.เป็นแหล่งเพาะปลูกต้นกระท่อม ที่มีรูปแบบการผลิตถูกต้องตามหลักวิชาการ และรองรับการนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ 2.มีต้นกล้าที่เติบโตภายใต้การดูแลของนักวิชาการด้านพืชโดยเฉพาะ มีการดูแลอย่างมีคุณภาพ ครอบคลุม และเติบโตภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การเจริญเติบโตที่ดี ทำให้ต้นกล้ามีความสมบูรณ์ และพร้อมที่จะเติบโตอย่างแข็งแรง และในการเพาะต้นกล้านี้เป็นการเพาะต้นกล้าจากเมล็ดพันธุ์ที่ได้รับการคัดเลือกสายพันธุ์เป็นที่เรียบร้อย เป็นต้นที่มีรากแก้วแข็งแรงไม่ทำให้หักหรือล้มอย่างง่ายดาย 3.เป็นแหล่งวัตถุดิบที่สามารถควบคุมการผลิตทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพได้ โดยสามารถนำไปผลิตสารสกัดที่มีคุณภาพสูงที่ได้มาตรฐาน ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งการได้สาร Mitragynine ที่อยู่ในใบกระท่อมในปริมาณที่สูง จะขึ้นอยู่กับต้นพันธุ์ที่ดี วิธีการปลูก สภาพแวดล้อมของ แสงแดด อากาศ และสารอาหารในดิน เป็นต้น และ4.รองรับการนำไปใช้ประโยชน์ด้านการแพทย์ และในเชิงพาณิชย์ต่างๆในอนาคต เช่น ต้นพันธุ์ ผลผลิต สารสกัด อุตสาหกรรมพืช ยา สมุนไพรbไทย ด้านสุขภาพ เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง อาหารสัตว์ ฯลฯ

ด้านสรรพคุณทางด้านยานั้น สาร Mitragynine และสาร 7-hydroxymitragynine มีสรรพคุณทางด้านยา เช่น บรรเทาอาการปวด และต้านอักเสบ มีฤทธิ์ระงับปวด โดยออกฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีน แก้ไอ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือด ลดอาการซึมเศร้า เครียด ความกังวล และช่วยให้หลับสบายมากขึ้น ลดอาการท้องเสีย ท้องร่วง แก้ปวดท้อง รักษาโรคบิด และขับพยาธิ ใช้รักษาผู้ติดสุราเรื้อรัง ผู้ติดยาเสพติด และลดอาการลงแดงจากการใช้ยาเสพติด อีกทั้ง เป็นยาขยัน สามารถออกกำลังกายได้ดี มีแรงทำงาน และสามารถทำงานกลางแจ้งได้นานขึ้น แต่ข้อควรระวังสำหรับการบริโภคพืชกระท่อมถ้ามากเกินไป หรือไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดโทษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น