อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะผู้ว่าฯเชียงใหม่

นายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมคารวะ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหารือความร่วมมือในด้านต่างๆกับจังหวัดเชียงใหม่ อาทิ การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 การป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และความคืบหน้าในการก่อสร้างสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่แห่งใหม่ เป็นต้น ณ ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่

ในการนี้ นายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า “มีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้กลับมาเชียงใหม่อีกครั้ง ซึ่งได้ห่างหายจากการมาเยือนเชียงใหม่ไปเป็นเวลานาน เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 การนี้ได้มีโอกาสพูดคุยแผนงานของทางจังหวัดเชียงใหม่ในการที่จะเปิดจังหวัดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่สำคัญ ณ ช่วงเวลานี้ คือ การควบคุมการระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้อยู่ในขอบข่ายที่จำกัดและควบคุมได้ และสิ่งที่สำคัญอย่างมากก็คือการบริจาควัคซีนป้องกันโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของสหรัฐอเมริการในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้บริจาควัคซีนไฟเซอร์จำนวน 1.5 ล้านโดสให้กับประเทศไทย และในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้คาดว่าวัคซีนอีก 1 ล้านโดสจะมาถึงประเทศไทย ซึ่งหากดูแนวโน้มของการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย ถือว่ามีสัญญาณที่ดีขึ้น มีตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับการเข้ามาของวัคซีน โดยจำนวนวัคซีนไฟเซอร์ที่ทางประเทศไทยได้ซื้อจากสหรัฐอเมริกาจำนวน 30 ล้านโดส ก็จะทยอยเข้ามา ที่สำคัญทางสหรัฐอเมริกาเห็นว่าสิ่งที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นั้น อยู่ในแนวทางที่ถูกต้องที่นำวัคซีน MRNA เข้ามาใช้ในช่วงเวลานี้ ซึ่งจะทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคอยู่ภายใต้ในขอบเขตที่จำกัดได้”

นายไมเคิล ฮีธ กล่าวต่ออีกว่า “สหรัฐอเมริกาได้ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศไทยเสมอมา โดยมี 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ “เรื่องการท่องเที่ยว” ซึ่งสหรัฐอเมริกาได้มีนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง มีกำลังจ่ายค่อนข้างมาก มาเที่ยวประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และการเปิดประเทศไทยในครั้งนี้  นักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกาจะได้กลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกครั้ง โดยจากการได้พูดคุยกับบริษัททัวร์ต่างๆ นักท่องเที่ยวจำนวนมากพร้อมที่จะเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย โดยที่สำคัญนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐอเมริกาที่จะเดินทางเข้ามาก็ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ประเภทเดียวกันกับที่คนไทยได้รับ และสิ่งสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องของความปลอดภัยที่ได้รับการการันตีจากประเทศไทย และมาประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว นอกจากเรื่องการท่องเที่ยวแล้ว ในเรื่องของ “การส่งออก” นั้น สหรัฐอเมริกายังคงเป็นตลาดการส่งออกอันดับหนึ่งของไทยในช่วงที่มีการฟื่นตัวทางเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และสุดท้ายในการสร้างสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่แห่งใหม่ ภายใต้การนำของท่านกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่ นายฌอน โอนีลล์ ที่จะหมดวาระในปี 2565 ก็มีส่วนในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ ใน “การจ้างงาน” โดยมีการจ้างงานกว่า 400 อัตรา โดยหวังว่าสถานกงสุลฯแห่งใหม่นี้จะอยู่ยืนยาว และหวังว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศจะยืนยาว”

สำหรับในเรื่องของการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 นายไมเคิล ฮีธ เผยว่า “ประเด็นเรื่องของมลพิษทางอากาศเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยได้ร่วมมือกับทาง สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (Narit) ในการใช้ดาวเทียมตรวจสอบสภาพคุณภาพอากาศในภูมิภาคนี้ ซึ่งมีส่วนเป็นอย่างมากในการแจ้งเตือนไฟป่า ทั้งสหรัฐอเมริกายังได้บริจาคอุปกรณ์เก็บใบไม้แห้ง จำนวน 8 เครื่อง ซึ่งอุปกรณ์นี้จะช่วยในการเก็บใบไม้แห้งที่เป็นเชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดไฟป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยได้รับการแจ้งจาก ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ว่า อุปกรณ์เก็บใบไม้แห้งที่ทางสหรัฐอเมริกาได้บริจาค 8 เครื่องนี้ สามารถเพิ่มการเก็บใบไม้แห้งได้มากกว่า 50 ตันเลยทีเดียว”

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น